เราอาจเคยได้ยินกระแส Deinfluencing ที่เกิดขึ้นมาไม่นานบนโซเชียลมีเดียที่บรรดา Influencer ทั่วโลกได้เปลี่ยนแนวการสื่อสารผ่านการบอกต่อผู้บริโภคหลังใช้สินค้าบางอย่างแล้วพบว่าไม่มีประโยชน์ ไม่คุ้มค่าเงิน อย่าซื้อนะ!
คำถามที่ตามมาคือ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับสินค้าของฉัน ในเมื่อสินค้าของฉันเป็นสินค้าเป็นของที่ดี และมีคุณภาพสูง
แต่สินค้าดี ที่ขายไม่ได้มีอยู่มากมาย บ้างก็ขายสู้สินค้าที่ลอกเลียนแบบไม่ได้
เพราะอะไรผู้บริโภคจึงเห็นว่าสินค้าบางอย่าง ไม่คุ้มค่าเงิน ทั้งในกลุ่มของผู้ที่เคยใช้บริการมาก่อน และกลุ่มที่กำลังชั่งใจอยู่ว่าจะซื้อดีไหม และเลือกที่จะไม่ซื้อในท้ายที่สุด 🥹
ถูกและแพง คุ้มไม่คุ้ม ของแต่ละคนไม่เท่ากัน และในทางจิตวิทยาแล้ว มีปัจจัยความเป็นไปได้มากมายในกระบวนการขายที่ส่งผลให้
- ทีมเซลล์ไม่สามารถทำให้ลูกค้าเห็นความคุ้มค่าของสินค้าบริการที่แท้จริง
- ปิดการขายได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น หรือขายได้เพียงครั้งเดียว
- ลูกค้ามักจะ Complain หลังใช้บริการ ส่งผลให้ทีม After Sales Service ต้องรับบทหนัก
เป็นไปได้ไหมที่ก่อนลูกค้าจะเข้ามาเยือนร้านของคุณ เข้ามีมุมมองที่ดีต่อร้านของคุณมาก่อน จนกระทั่งได้ลองสอบถามอะไรบางอย่างกับพนักงานในร้าน และกลับออกไปด้วยความรู้สึกขุ่นมัว โดยที่ตัวคุณในฐานะเจ้าของร้านก็ไม่เคยรับรู้ถึงเหตุการณ์นี้มาก่อนเลย (เกิดขึ้นได้บ่อยเมื่อพนักงานละเลยการตอบสนองในสิ่งที่จำเป็นต่อลูกค้า เพราะไม่เคยถูกเทรนมาก่อน)
หรือระหว่างที่ตอบโต้กันทางกล่องข้อความ อาจมีพฤติกรรมบางอย่างที่คุณทำให้ ลูกค้าเกิดความหนักใจและอยู่ ๆ ก็รู้สึกขาดการเชื่อมต่อกับคุณขึ้นมา(แน่นอนว่าพวกเขาไม่บอกคุณหรอก) ทำให้ความถี่บทการสนทนาก่อนหน้านี้กลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์และอาจเป็นภัยขึ้นมาทันที
ครั้งสุดท้ายที่คุณทำให้ลูกค้ารู้สึกว่า คุณเข้าอกเข้าใจเข้าจริง ๆ คือเมื่อไหร่ ?
ความสามารถในการสื่อสารที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าคุณเข้าใจเขาจริง ๆ ไม่ใช่การพูดคำว่า “เข้าใจ” ซ้ำไปซ้ำมา แต่มันคือการแสดงออกถึง Empathy ผ่านทางสีน้ำ แววตา น้ำเสียง ที่ไม่ใช่การ Fake
อ่านบทความสั้น ๆ ที่มีตัวอย่างของ Empathy ที่นี่
เมื่อเกิด Empathy ขึ้น ตัวคุณกับลูกค้าก็จะเกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกันขึ้นมาโดยอัตโนมัติ เขาจะไม่เห็นแบรนด์ของคุณ สินค้าของคุณเป็นสินค้าอีกต่อไป แต่จะเห็นความหมายบางอย่าง ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ในคุณค่าของพวกเขา และเหล่าสิ่งนี้จะเข้ามาแทนที่ความกังวลต่าง ๆ นานา เรื่องความไม่คุ้มค่า และเห็นกล้ามอบความไว้วางใจให้กับสินค้าและบริการของคุณ
ทั้งหมดทั้งมวลที่เมย์อยากจะสื่อก็คือ สิ่งที่เจ็บกว่าการที่คนอื่นบอกว่าอย่าซื้อ ก็คือการที่พฤติกรรมต่าง ๆ ของเราคือสิ่งที่ทำให้ลูกค้าบอกกับตัวเองว่าอย่าซื้อนี่ล่ะค่ะ 😅
และเมื่อเราระบุปัญหาไม่ถูกจุด ยอดขายที่หวังไว้ก็ย่อมไม่เกิดขึ้น เสียค่า Marketing ว่าเยอะแล้ว ยังต้องจ่ายซ้ำให้กับการจ้างเซลล์เพิ่มที่อาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุอีกด้วย
จะเป็นการดีกว่าหากเราสามารถรับรู้ได้ว่า ที่ผลักดันการขายไม่ได้ ตัวเราหรือเซลล์นั้นพลาดที่ตรงไหน จึงอยากเชื้อเชิญ SMEs และนักขายทุกท่านค้นพบอานุภาพของหลักจิตวิทยาในการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับลูกค้า เพื่อไปสู่ยอดขายที่ยั่งยืน ด้วย Framework ที่ช่วยให้เรามองเห็นว่าจุดใดที่เราต้องปรับจูน เพื่อผลักดันยอดขายให้สำเร็จลุล่วงได้ผ่านเวิร์กชอป Deal Closer
คุณแดเนียลสามารถสอน
อธิบายและยกตัวอย่าง
ที่ตรงกับความต้องการของผู้เรียน
แต่ละท่านได้จริงๆ
เนื่องจากคุณแดเนียล
เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา
ดังนั้นทุกคำตอบ ทุกคำอธิบาย
จะมีทฤษฎี งานวิจัยรองรับเสมอ
ไม่ใช่อ้างขึ้นมาลอยๆ
(อันนี้ชอบมาก)
แม้ว่าชื่อคอร์สคือ Deal Closer
แต่เนื้อหามันไม่ใช่แค่
การเจรจาต่อรอง, การปิดการขาย, การนำเสนอ เท่านั้น
มันคือ การสื่อสารที่ทำให้เกิด
ประโยชน์กับทั้งคนพูดและคนฟัง
โดยมีหลักจิตวิทยามาอธิบายว่า
ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ไม่ทำแบบนี้
ส่วนเรื่องการเจรจาต่อรอง
นี่ได้ไปเต็มๆอยู่แล้ว
มี workshop ให้ทำด้วย
พอทำเสร็จถึงกับร้องอ๋อเลย
เข้าใจเลยว่าทำไมเราถึง
เจรจาต่อรอง ชี้ชวน โน้มน้าว ไม่สำเร็จ
สรุปง่ายๆเลยครับ
นี่เป็นอีกคอร์สนึงที่เดียร์แนะนำ
ไม่จำเป็นเฉพาะคนที่ทำธุรกิจนะครับ
แต่รวมถึงคนที่อยากสื่อสาร
เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่คุณต้องการอีกด้วย
รีวิวจากคุณหมอเดียร์ ผู้ร่วมอบรมเวิร์กชอป Deal Closer
อ่านรีวิวคุณหมอเดียร์ได้ที่นี่
______________________________
หลายคนคงสงสัยว่าป้าเรียนทำไม
ทั้งๆที่ตัวเองนี่ก็นักขายระดับตำนานอยู่นะ
ขายได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบแหละ
แต่ปัญหาคือ สามารถปิดการขายเองได้
เพราะมีประสบการณ์
แต่ไม่สามารถสอนทีมงานได้
จึงตัดสินใจเข้าเวิร์กชอปพร้อมผู้ช่วย
หลังจบเวิร์กชอปผู้ช่วยปิดการขาย5 หลัก
ได้ตัวเองในวันนั้นเลย
รีวิวจากป้าแต ผู้ร่วมอบรมเวิร์กชอป Deal Closer
อ่านรีวิวป้าแตได้ที่นี่
____________________________
ประทับใจไม่รู้ลืม #AntiClassroom
คลาสเล็กๆแต่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ
กับคลาสจิตวิทยาการขาย #DealCloser
ครั้งแรกที่ได้เจอพี่เมย์กับพี่แดเนียล
ก็ทำให้รู้สึกถึงความตั้งใจ ทุ่มเท ที่จะส่งต่อ
สิ่งดี ๆ ให้ลูกศิษย์ทุกคน
ตั้งแต่เริ่มคลาส พี่แดเนียลเข้ามาคุยกับเรา
เพื่อสอบถามปัญหาที่อยากให้ช่วยแก้
และอยากได้รับไปจริงๆในวันนี้
หรือแม้แต่ช่วงท้าย ในส่วน Q&A เราทุกคนได้รู้จัก
พี่แดเนียลมากขึ้น แม้คอร์สจะเขียนไว้ว่าเลิก 1 ทุ่มตรง
แต่ต่อให้ใช้เวลาเลยไปแค่ไหน พี่แดเนียลก็ไม่มีท่าที
หรือแสดงอาการอยากเลิกสอนเลยสักนิด กลับกัน
เค้าพยายามให้เราทุกคน หัดตั้งคำถาม เพราะเหมือน
มันจะช่วยให้เราได้ทบทวนในสิ่งที่เราเรียนมา
ทั้งจากตัวเอง และเพื่อน ๆ ในห้อง
สรุป : คลาสนี้เราไม่เพียงแต่เข้าใจเรื่องการขาย และ
หลักจิตวิทยาในการขายมากขึ้น แต่เราได้เรียนรู้วิธีการ
สื่อสารเพื่อให้ใช้ชีวิตอยู่กับคนรอบตัวได้แบบ แฮปปี้
เรียนรู้ที่จะเข้าใจตัวเอง และคนอื่นให้มากขึ้น
รีวิวจากคุณมิว ผู้ร่วมอบรมเวิร์กชอป Deal Closer
อ่านรีวิวคุณมิวได้ที่นี่
______________________________
สุดท้ายนี้ แม้กระแส Deinfluencing อาจจะยังเป็นที่นิยมอีกพักใหญ่ ๆ แต่ในทุกมุมของโลก ก็ยังมีลูกค้าที่กำลังมองหาและรอใครสักคนคอยแนะนำสินค้าบริการที่ตอบโจทย์พวกเขาอยู่เช่นกัน คงเป็นการดีถ้าตัวคุณ หรือบรรดาลูกค้าของคุณคือผู้ที่บอกต่อคุณประโยชน์ ความคุ้มค่า ความประทับใจ ให้ผู้คนเกิดความรู้สึกอุ่นใจได้อย่างเป็นธรรมชาติ 😊
กลุ่มลูกค้า Public และองค์กรที่สนใจเข้าร่วมอบรมเวิร์กชอป Deal Closer สามารถกดปุ่มเพิ่มเพื่อนด้านล่าง และแจ้งความประสงค์กับทางเมย์ได้เลยค่ะ
ต้องการดูรายละเอียดเวิร์กชอป Deal Closer เพิ่มเติมสามารถดูได้ที่นี่